วันนี้ขออนุญาตยกเรื่องที่หลวงพ่อฤาษีลิงดำเคยเทศน์สอนลูกหลานไว้ เพื่อขอเป็นส่วนหนึ่งในการสืบสานพระพุทธศาสนาให้ตราบนานเท่านาน
หลวงพ่อฤาษีลิงดำ
“อาตมาเดินทางไปภาคใต้เมื่อวันที่ ๑๑ มิถุนายน พ.ศ.๑๕๑๗ ได้ไปพักที่บ้านพักของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตที่อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ก่อนจะนอนอาตาก็บูชาพระ คือบูชาความดีขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เมื่อบูชาพระแล้วก็นอน
เมื่อนอนลงไปแล้วก็คิดถึงการเดินทางมาสายใต้คราวนี้ อารมณ์จิตก็น้อมนึกถึงคุณความดีของพระพุทธเจ้า และนึกถึงคุณความดีของท่านผู้มีพระคุณ คือบรรดาท่านบุพการีทั้งหลายที่ได้ปกป้องคุ้มครองรักษาแผ่นดินไทยนี้ไว้ให้พวกเราได้อาศัยมาจนถึงปัจจุบันนี้ และคิดถึงองค์สมเด็จพระบรมครูทรงกล่าวว่า โลกนี้ไม่มีอะไรทรงตัว ทุกชาติทุกภาษาทุกกาลทุกสมัยต้องตายไปหมด แม้แต่ในสมัยที่องค์สมเด็จพระจอมไตรทรงพระชนม์อยู่ก็เหมือนกัน พอคิดอย่างนี้ใจก็สบาย
เห็นว่าร่างกายของเรานี้ไม่ช้าไม่นานมันก็สิ้นไป หลังจากนั้นทำท่าว่าจะหลับ ปรากฏว่า พบผู้หญิงแขกประมาณ ๓๐-๔๐ คน แต่งตัวเป็นสาวแขกธรรมดา เป็นพวกนับถือศาสนาอิสลาม เมื่อหัวหน้ายกมือไหว้ ทั้งหมดก็ยกมือไหว้
จึงถามว่า เมื่อเธอนับถือศาสนาอิสลามแล้วมาไหว้พระในพระพุทธศาสนานี่ ไม่เป็นการผิดระเบียบของศาสนาเธอหรือ เธอตอบว่า เป็นผีไม่ผิด เพราะว่าผีต้องการอย่างเดียว คือความดีของผู้ที่เราจะเข้าไปไหว้
จึงถามว่า อาตมามีความดีอย่างไร เธอตอบว่า ความดีที่เห็นง่ายๆก็คือ ผีมาท่านเห็นได้ ก็บอกว่า ก็เธอทำให้ฉันเห็นนี่ ฉันก็เห็นซิ ถ้าเธอไม่ทำให้ฉันเห็น ฉันจะเห็นได้อย่างไร
เธอตอบว่า คนทั้งหลายทำให้เห็นมามากแล้ว ไม่มีใครเห็น พระในพระพุทธศาสนาก็มากมาย แสดงให้ปรากฏก็ไม่เห็น บรรดาแขกด้วยกันแสดงให้ปรากฏก็ไม่เห็น
ถามว่า พวกเธอไม่ตกนรกรึ ศาสนาของเธอแนะนำให้ลงนรกมากกว่าไปสวรรค์ เพราะว่าการจะกินอะไรก็ต้องฆ่าด้วยมือเอง ถือว่าสัตว์เป็นอาหารของชาวบ้าน
เธอตอบว่า กิจการฆ่านั้น ส่วนใหญ่เป็นเรื่องของผู้ชาย ไม่ใช่เรื่องของผู้หญิง ผู้ชายเขาทำและผู้หญิงเขาทำต่อ ฉะนั้นพวกเธอจึงเลียบๆเคียงๆอยู่ใกล้นรก แสดงว่าพวกเธอเป็นเปรต แต่ว่าเป็นเปรตระดับเบา เพราะไม่ได้ลงมือฆ่าสัตว์เอง
ได้ถามว่า พวกเธอมาเพื่อประสงค์อะไร เธอตอบว่า เธอตั้งใจจะมาขอส่วนบุญ จึงถามว่า บุญในศาสนาพุทธจะเข้าไปถึงคนในศาสนาอิสลามได้อย่างไร
เธอตอบว่า ศาสนาไหนก็ไม่สำคัญ เป็นผีแล้วได้รับหมด แม้แต่นรกสวรรค์ก็ไม่แยกนรกแขก นรกไทย จะเป็นศาสนาไหนก็ตาม ลงนรกเดียวกัน ขึ้นสวรรค์ก็เขตเดียวกัน เป็นพรหมก็เหมือนกันถ้าบุญถึง
อาตมาเห็นพวกเธอเศร้าๆ เลยเห็นใจบอกว่า อย่างนั้นละก็อย่าพูดมาก เดี๋ยวเธอจะอยู่ไม่ได้นาน ให้ตั้งใจโมทนา อาตมาจึงได้อุทิศส่วนกุศลว่า
“ผลบุญใดพึงให้ประโยชน์ความสุขแก่เราเพียงใด ขอเธอทั้งหลายจงโมทนาส่วนกุศลนี้ และจงได้รับประโยชน์และความสุขเช่นเดียวกับเราจะพึงได้รับนับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป”
บรรดาสาวแขกทั้งหลายก็พากันกราบ ๓ ครั้ง กราบครั้งแรกเงยหน้าขึ้นมาเห็นภาพเดิม กราบครั้งที่สองก็เห็นภาพเดิม พอกราบครั้งที่สามเงยหน้าขึ้นมาคราวนี้ แพรวพราวไปด้วยเครื่องประดับ
อาตมาถามว่า เธอจะไปไหน เธอตอบว่า ไปเป็นบริวารเขาที่สวรรค์ชั้นดาวดึงส์ก็ยังดีกว่าเป็นสัตว์นรก และเป็นบริวารของเทวดาก็ดีกว่าเป็นหัวหน้าของคนในเมืองมนุษย์
เธอบอกอีกว่า จากนี้ไปเธอมีความสุข ในเมื่อบรรดาสาวน้อยสาวใหญ่ทั้งหลายเปลี่ยนกายจากคนเป็นเทวดา ด้วยอำนาจปัตตานุโมทนามัย เป็นการพิสูจน์ว่าคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระทศพลบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่ไร้ผล
เพราะพระองค์ทรงกล่าวว่า บุญย่อมเกิดขึ้นได้ด้วยอำนาจปัตตานุโมทนามัย คืออนุโมทนาในความดี ยินดีกับความดีที่บุคคลอื่นทำแล้ว เป็นกิริยาที่ทำให้เกิดบุญ และเป็นหนึ่งในพรหมวิหาร ๔ คือมุทิตา
เป็นอันว่าทุกคนที่เกิดมาในโลกมนุษย์ ถึงแม้จะมีเชื้อชาติรูปร่างหน้าตา ผิวพรรณภาษาแตกต่างกันไปก็ตาม จะเป็นชนชาติใดภาษาใดศาสนาใดก็ตาม ในที่สุดก็ต้องตายเหมือนกันหมด เมื่อตามแล้วก็ต้องไปเกิดใหม่ทุกคน
ดังที่องค์สมเด็จพระบรมครูตรัสไว้ว่า ตายแล้วไม่สูญ และแดนต่างๆไม่ว่าจะเป็นแดนนรก แดนสวรรค์ แดนพรหม และแดนพระนิพพาน ก็เป็นที่เดียวกัน ไม่มีการแยกนรกแขก นรกไทย สวรรค์ก็เขตเดียวกัน เป็นพรหมก็เหมือนกัน ถ้าบุญถึงเขตนั้น
ขอขอบพระคุณหนังสือ ธรรมปฏิบัติ เล่ม ๑๑ โดย หลวงพ่อพระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ) วัดจันทาราม (ท่าซุง) จังหวัดอุทัยธานี
วันที่: Sat Aug 23 08:07:43 ICT 2025
|
|
|